ขอขอบพระคุณ บททดสอบโดย autospinn.com สื่อมวลชนที่ทำข่าวประชาสัมพันธ์ เรื่องราวเกี่ยวกับรถยนต์ดีที่สุดในประเทศไทย ฉับไว มั่นใจได้ว่าเทีี่ยงตรง

ซึ่งต้องบอกมา ณ ที่นี่ก่อนว่า รถยนต์รุ่นที่ทาง ออโต้สปินน์ ได้ทดสอบ จะเป็น รุ่น เอช-1 รุ่นเริ่มต้นหรือ เอช-1 ทัวร์ริ่ง อาจจะทำให้มีข้อมูลในรุ่นนี้มากกว่ารุ่นอื่น แต่เราก็ได้เข้าร่วมทดสอบระบบใหม่ๆ ใน แกรนด์ สตาร์เร็กซ์ มานิดหน่อยด้วยก็จะเอามาเล่ากันถึงความพิเศษ แต่ทางด้านการขับขี่อาจจะต้องรอจังหวะยืมทางฮุนได มาขับเดี่ยวๆ แล้วจะมารีวิวกันให้ฟังอีกทีโดยในรุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวกันไปในช่วงต้นปี 2016 ที่ผ่านมานี้ ได้มีการปรับปรุงทั้งรูปลักษณ์ใหม่ และเพิ่มเติมออพชั่นที่ช่วยเหลือและเพิ่มเติมความสะดวกสบายในการขับขี่เข้าไป ซึ่งเด่นๆ คงจะเป็นเทคโนโลยี Smart View System ที่จะแสดงภาพตามมุมต่างๆ รอบคันแบบ 360 องศา โดยจะอยู่ในรุ่น Grand Starex

รูปลักษณ์แต่งองค์ทรงเครื่องใหม่ลงตัวมากยิ่งขึ้น

การออกแบบรูปลักษณ์ใหม่ที่มีการแต่งเพิ่มเสริมหล่อเข้าไปทั้ง ฮุนได เอช-1 (Hyundai H-1) และ แกรนด์ สตาร์เร็กซ์ (Grand Starex) ทั้งในส่วนของกระจังหน้าออกแบบใหม่ (ทุกรุ่น) ซึงสวยงามและค่อนข้างลงตัวกว่าเก่าทีเดียว


ออพชั่นเพิ่มเติมต่อมาคือชุดแผงไฟ เดย์ไทม์รันนิ่งไลท์ (Daytime Running Light) ที่ถูกติดตั้งลงไปแทนในส่วนของช่องไฟตัดหมอก ในทุกรุ่น ยกเว้นรุ่น ทัวร์ริ่ง (รุ่นเริ่มต้น) ที่ไม่มีการใส่มาให้ แต่จะเป็นไฟตัดหมอกแทน และในส่วนของล้อแม็กซ์ก็เป็นลายใหม่เช่นกัน

โดยรวมภายนอกถือว่าเป็นการปรับเปลี่ยนไปทิศทางที่ดีขึ้น ความสวยของกระจังหน้าใหม่ โดยเฉพาะรุ่น Grand Starex ที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในการออกแบบ รวมไปถึงออพชั่นต่างๆ ที่ปรับปรุงให้น่าใช้กว่าเดิม

 ในส่วนของภายในมีการปรับปรุงใหม่ในส่วนของแผงแดชบอร์ดถูกอัพเกรดเพิ่มเติมความสวยงามโดยการจัดเรียงปุ่มฟังก์ชั่นการใช้งานใหม่ ซึ่งอันนี้ล้วนแล้วแต่คนมองแต่สำหรับผมคิดว่า ค่อนข้างลงตัวกว่ารุ่นเดิมภายในปรุบปรุงใหม่แดชบอร์ดหรูหรา ลวดลายเบาะนั่งโดนตา


 การปรับปรุงในส่วนของพนักพิงศีรษะใหม่ พร้อมกับการออกแบบที่วางเท้าใหม่ ในรุ่น เอช-1 และ สำหรับ แกรนด์ สตาร์เร็กซ์ ได้มีการติดตั้งจอ LCD สำหรับผู้โดยสารตอนหลังใหม่ โดยเพิ่มขนาดจากเดิมที่ 10.1 นิ้ว เป็น 13.3 นิ้วเลยทีเดียว พร้อมระบบ HDMI เพื่อความบันเทิงเต็มรูปแบบขณะเดินทาง

 

ในรุ่นที่ผมทดสอบ (ทัวริ่ง) แม้จะเป็นรุ่นเริ่มต้นของไลน์ ซึ่งออพชั่นหรือฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ อาจมีไม่เท่ารุ่นอื่นๆ แต่ก็มีเพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งรุ่นนี้จะเหมาะกับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการรถยนต์ MPV 11 ที่นั่ง ไว้เดินทางและไม่ต้องการความหรูหรา หรือลูกเล่นอะไรมากมายนัก


สำหรับฮุนได เอช-1 และ แกรนด์ สตาร์เร็กซ์ มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล 4 สูบ ขนาด 2.5 ลิตร พร้อมกำลังแรงม้า 175 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 441 นิวตันเมตร ที่ 2,000-2,250 รอบต่อนาทีเครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร 175 แรงม้า กำลังเหลือๆ ทุกการเร่งแซงขอแค่ความคุ้นเคย

จากการทดสอบคันของผมมาพร้อมผู้โดยสาร 4 คัน และสัมภาระทุกที่นั่ง การเร่งแซงแม้จะเป็นรถที่มีทรงสูงซึ่งแน่นอนการต้านลมย่อมมากกว่ารถเก๋งทั่วไป แต่ก็ไม่เป็นปัญหา เพียงแค่คุณต้องคุ้นเคยและชินกับการขับรถประเภทนี้เสียก่อน

 

การเปลี่ยนเกียร์ค่อนข้างสมูททำมาได้ค่อนข้างดีทีเดียวสำหรับรถยนต์ประเภทนี้ที่ต้องการความไหลลื่นในการโดยสาร แม้จะเป็นการคิกดาวน์ก็ไม่มีอาการกระตุก มีแต่เพียงแรงส่งกำลังจะเครื่องยนต์ที่มาค่อนข้างดีที่เดียว แต่ต้องกะจังหวะให้ดีๆ เพราะมิติรถประเภทนี้มีขนาดใหญ่และยาวกว่ารถประเภทอื่นระบบเกียร์ส่งกำลังจะเป็นแบบ อัตโนมัติ 5 สปีด แบบ ซีเควนเชียลชิฟ โดยใน เอช-1 และ แกรนด์ สตาร์เร็กซ์ รุ่นใหม่นี้ จะไม่มีเกียร์ธรรมดาแล้ว จากรุ่นก่อนหน้ารุ่นเริ่มต้นของ เอช-1 จะเป็นเกียร์ธรรมดา

 

การขับขี่ค่อนข้างไว้ใจได้ ความสะดวกสบายโดยรวมสอบผ่าน ฟังก์ชั่นใหม่โดนใจ

มาในส่วนสำคัญของรถยนต์ประเภทนี้กันดีกว่า นั้นคือการโดยสาร สำหรับความสะดวกสบายในการโดยสารซึ่งต้องเป็นสิ่งสำคัญอยู่แล้วสำหรับรถยนต์ประเภทนี้ เบาะนั่งโดยสารทั้งตอนหลังทั้ง 3 แถวทำออกมาได้ค่อนข้างดี มีพื้นที่วางขา กว้างสามารถเหยียดขาได้สบายๆ แต่เบาะโดยสารตอน 4 อาจจะมีน้อยกว่าแถวอื่นเล็กน้อย แต่ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับคนตัวเล็ก แต่ถือว่ายังทำออกมาได้ดีทีเดียว


ระบบช่วงล่างแม้ทาง ฮุนได ไม่ได้บอกถึงการปรับเปลี่ยนและปรับปรุงระบบช่วงล่างมาในรุ่นใหม่นี้ แต่หลังจากสอบถามความคิดเห็นของพี่ๆ สื่อมวลชน ที่ร่วมทดสอบทุกท่าน ก็พูดมาในแนวเดียวกันว่า ช่วงล่างค่อนข้างกระชับขึ้น หนึบขึ้น รู้สึกมั่นใจกว่ารุ่นก่อนมาที่ฟังก์ชั่นใหม่กันหน่อยอย่างระบบ Smart View System ที่จะแสดงภาพรอบทิศทางจากก้อลง 4 จุดรอบตัวรถ ช่วยให้การจอด หรือการออกตัวเป็นเรื่องง่าย และยังสามารถเลือกมุมที่ต้องการดูเฉพาะได้อีกด้วยจากการกดบนจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้วกลางคอนโซล ระบบนี้ถือว่าจำเป็นสำหรับรถยนต์ที่มีมิติค่อนข้างใหญ่แบบนี้


และในส่วนของภายนอกก็มีการปรับปรุง แต่งองค์ทรงเครื่องให้มีความหล่อ หรูหรา ตามความนิยมของคนไทย ทั้งกระจังหน้าออกแบบใหม่ ไฟเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์ ก็มีมาให้ ล้อแม็กซ์ลายใหม่ ที่ลงตัวกว่าเดิมโดยรวมๆ แล้ว ฮุนได เอช-1 และ แกรนด์ สตาร์เร็กซ์ ยังถือว่าเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ MPV ที่น่าจะเป็นขวัญใจของชาวไทยต่อไป เพราะในรุ่นใหม่ได้มีการเพิ่มเติมออพชั่นใหม่ๆ เช่น ระบบ Smart View System ประตูเลื่อนไฟฟ้าทั้ง 2 บาน จอ LCD ตอนหลังขนาดใหญ่ 13.3 นิ้ว เบาะโดยสารออกแบบใหม่สบายมายิ่งขึ้น


และรุ่น แกรนด์ สตาร์เร็กซ์ ที่มีความพิเศษคือเบาะที่นั่งลดมาเป็น 7 ที่นั่ง แต่จัดเต็มทุกความสะดวกสบายและฟังก์ชั่นต่างๆ ที่มาครบทั้งคัน จะมี 2 รุ่นคือรุ่น  Premium ราคา 2.349 ล้านบาท และ VIP ราคาที่ 2.399 ล้านบาท
ที่เหลือก็อยู่ที่ความต้องการของแต่ละท่านแล้วว่าต้องการออกชั่นขนาดไหน โดย ฮุนได เอช-1 รุ่น Touring (คันที่ทดสอบ) หรือรุ่นเริ่มต้นแม้จะมีออพชั่นไม่เท่าคันอื่นๆ แต่ก็มีมาให้ครบการใช้งาน ซึ่งราคาจะอยู่ที่ 1.289 ล้านบาท ไล่ขึ้นมาที่รุ่น Elite ราคาที่ 1.499 ล้านบาท และรุ่น Deluxe ราคาที่ 1.679 ล้านบาท

ไว้ถ้าโอกาสต่อไปทางทีมงาน ออโต้สปินน์ จะยืม Hyundai Grand Starex มาทดสอบกันอีกที่แล้วจะเจาะลึกการใช้งานการขับขี่และฟังก์ชั่นต่างๆ ภายในรถว่าแตกต่างจากวันนี้ขนาดไหน รอติดตามกันได้เลยนะครับ

 

ขอขอบคุณบริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด สำหรับทริปการทดสอบ ฮุนได เอช-1 และ แกรนด์ สตาร์เร็กซ์ ในครั้งนี้ด้วยครับ

 

I believe that a simple and unassuming manner of life is best for everyone, best both for the body and the mind. Albert Amjad